





"เทคโนโลยีสารสนเทศ" (Information Technology) คือ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน ในระบบสารสนเทศนั้นประกอบด้วย 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บุคลากร ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และข้อมูล ปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร การเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ การดำเนินธุรกิจ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

"เทคโนโลยีสารสนเทศ" มาจากคำว่า “เทคโนโลยี” รวมกับคำว่า “สารสนเทศ” “เทคโนโลยี” หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เข่น อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรวัสดุ หรือ แม้กระทั่งสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ระบบหรือกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้การดำรงชีวิตของมนุษย์ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น “สารสนเทศ” หมายถึง ข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสาร ความรู้ ที่ได้มีการบันทึก ประมวลหรือดำเนินการด้วยวิธีใดๆไว้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ทั้งส่วนบุคคลและสังคม ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น
ข้อมูลจาก : http://www.ictkm.info
เพื่อนๆ ก็ได้รู้จักความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศกันไปแล้วนะคะ ดิฉันก็จะยกตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศที่อยู่ใกล้ตัวเรา นั่นก็คือ โทรศัพท์มือถือ ค่ะ
ปัจจุบันนี้โทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ทุกคนย่อมมีใช้แทบทุกครัวเรือนตั้งแต่เด็กประถม จนถึงวัยผู้สูงอายุ เรียกได้ว่าเข้าถึงชีวิตประจำวันของคนเราจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้ สำหรับประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือนี้นะคะ ทุกคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ ทำให้เราติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยเสียงได้ทุกที่ทุกเวลา สะดวก รวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่คนละภาคของประเทศ หรือต่างประเทศก็ใกล้กันได้แค่ปลายนิ้วสัมผัส แต่ในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือยังเปรียบเสมือนกับคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เพราะโทรศัพท์มือถือแทบทุกรุ่นมักจะมาพร้อมกับฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คล้ายกับคอมพิวเตอร์ เช่น การดูหนัง การฟังเพลง การเล่นเกมส์ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และอื่น ๆ อีกมากมาย
ดิฉันเองรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งจำเป็นกับชีวิตมาก เป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายก็ว่าได้ วันไหนที่ออกไปนอกบ้านหรือออกไปเรียนแล้วลืมโทรศัพท์มือถือไว้ ดิฉันจะรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง ส่วนใหญ่ดิฉันมักจะใช้โทรศัพท์ตั้งเวลาปลุกในตอนเช้า ใช้จดบันทึกข้อมูลเตือนความจำต่างๆ ใช้ถ่ายรูป ใช้ส่งข้อความแชทต่างๆ และใช้เข้าอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลข่าวสาร ฟังเพลงในบางเวลา เมื่อมีโทรศัพท์แล้วอะไรๆ ก็ดูง่ายขึ้น สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น อย่างเช่น เมื่อก่อนเวลาดิฉันจะฝากคนอื่นๆ ซื้อของ ก็จะต้องอธิบายผ่านการสื่อสารด้วยเสียง ซึ่งก็ต้องอธิบายแล้วอธิบายอีก เพื่อจะได้เข้าใจลักษณะของสิ่งของตามที่ดิฉันต้องการ บางครั้งก็ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเพราะคนอื่นไม่สามารถเห็นภาพสิ่งของนั้นได้ แต่ปัจจุบันนี้ดิฉันสามารถถ่ายรูปสิ่งของที่ต้องการแล้วส่งไปให้คนที่จะฝากซื้อของได้ ทำให้เกิดการเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย แล้วดิฉันเองก็ได้ในสิ่งที่ดิฉันต้องการด้วย หรือเวลาไปเที่ยวสถานที่ใดแล้วเห็นสิ่งสวยงาม ก็อยากจะถ่ายภาพส่งไปให้ทางครอบครัวได้ดูว่าตอนนี้ดิฉันได้มาอยู่สถานที่นี้ ซึ่งก็สามารถทำได้ เปรียบเสมือนว่าได้พาครอบครัวไปเที่ยวกับดิฉันด้วยตลอดเวลา สรุปแล้วดูเหมือนว่าดิฉันใช้ประโยชน์อย่างอื่นมากกว่าใช้ติอต่อสื่อสารโดยการคุยด้วยเสียงอีกนะคะ 5555 ถึงแม้โทรศัพท์มือถือจะมีประโยชน์กับเรามาก แต่ก็ยังมีโทษอีกเช่นกัน หากผู้ใช้นำไปใช้ในทางที่ผิดหรือใช้ไม่เป็นก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวเราเองได้ อย่างเช่น บางคนที่ชอบตามกระแสนิยม เวลาที่มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ออกมา ก็จะต้องหาเงินมาซื้อให้ได้เพื่อให้ตัวเองดูทันสมัย อาจจะต้องกู้หนียืมสิน เสียเงินโดยใช่เหตุ บางคนอาจจะเปลี่ยนนิสัยเป็นคนขาดความอดทนและใจร้อน เนื่องจากคุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือกดปุ๊บต้องติดปั๊บ ทำให้นกลายเป็นคนไม่มีความอดทน แม้แต่เรื่องเล็กๆ เช่น นัดเพื่อนไว้ถ้าช้าแค่ 5 นาที ก็ต้องโทรตามหลายครั้ง จึงกลายเป็นคนเร่งรีบ ร้อนรน และไม่รอบคอบ บางคนก็ใช้โทรศัพท์มือถือโทรไปหาบุคคลที่เราอยากจะพูดทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นประชุม นอน รับประทานอาหาร หรือวันหยุดพักผ่อนโดยไม่ดูเวลาหรือกาลเทศะที่ควรโทร หรือแชทส่งข้อความ นั่งจิ้มก้มหน้าก้มตาไม่สนใจคนอื่น ก็จะให้ดูกลายเป็นคนขาดกาลเทศะและไร้มารยาท และบางคนใช้มือถือพูดคุยกันกับญาติสนิท ขาดความใส่ใจที่จะสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น หลบมุมโทรไปคุยกับเพื่อนหรือแฟนแทนที่จะคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองหรือทำกิจกรรม ทำให้ความสัมพันธ์ในบ้านห่างเหิน ซึ่งจะเกิดอาการซึม หงอยเหงา กลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคมมีโลกของตัวเองและเป็นโรคติดโทรศัพท์ในที่สุด
ทั้งนี้ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในปัจจุบันจะทำใช้ชีวิตการเป็นอยู่ของคนเราง่ายขึ้น ดีขึ้น มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว แต่สิ่งนั้นจะมีคุณค่ากับตัวเราก็ต่อเมื่อ เราใช้ให้ถูกต้องตามคุณลักษณะของสิ่งนั้น ใช้ในทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช้ไปในทางที่ผิด แล้วสิ่งนั้นจะมีประโยชน์กับเราเป็นอย่างมากค่ะ ^^
โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น
โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน มาเป็น 4,600 ล้านคน
ข้อมูลจาก : http://www.l3nr.org


ทั้งนี้ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในปัจจุบันจะทำใช้ชีวิตการเป็นอยู่ของคนเราง่ายขึ้น ดีขึ้น มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว แต่สิ่งนั้นจะมีคุณค่ากับตัวเราก็ต่อเมื่อ เราใช้ให้ถูกต้องตามคุณลักษณะของสิ่งนั้น ใช้ในทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช้ไปในทางที่ผิด แล้วสิ่งนั้นจะมีประโยชน์กับเราเป็นอย่างมากค่ะ ^^
______________________________________________________________________
ภาพประกอบจาก : www.thairath.co.th






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น